ใครอยากไปประเทศฟินแลนด์ ยกมือขึ้น! ?

มาติดตาม น้องเอม-นพณัฐ ศรีพงษ์ นักเรียนเก่า AFS โครงการระยะ 1 ปี ประเทศฟินแลนด์ รุ่นที่ 58 มาเล่าประสบการณ์ 7 เดือน (มีความจำเป็นต้องกลับประเทศไทยก่อนเนื่องจากการระบาดของ Covid-19) ว่า จะมีความสนุกและสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตของน้องเอมอย่างไรบ้างค่ะ

•  •  •  •  • 

Moi! /สวัสดีค่ะ! เราชื่อ “นพณัฐ ศรีพงษ์ ” หรือเรียกว่า “เอม” ก็ได้ค่ะ^^ เราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอส รุ่นที่ 58 ประเทศฟินแลนด์ ระยะเวลา 10 เดือนค่ะ แต่เพราะโควิดเราเลยได้อยู่ 7 เดือน วันนี้เอมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมภ์ โรงเรียนและเพื่อนๆ และประสบการณ์เอเอฟเอสที่ประทับใจ ของเอมที่ฟินแลนด์ค่ะ

•  •  •  •  • 

HOST FAMILY

 

วันนี้เอมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมภ์ หรือแฟมมิลี่ของเอมที่ฟินแลนด์ค่ะ ตอนเอมไปถึงที่นู่นวันแรกเอมตื่นเต้นและเกร็งมากคิดอย่างเดียวว่าตอนไปเจอโฮสต์แฟมมิลี่ครั้งแรกต้องทำตัวยังไงบ้าง แต่พอเจอจริงๆเอมแทบจะไม่รู้สึกเกร็งเลย พวกเขาน่ารักมากค่ะพยายามชวนเราคุยตลอดทางกลับบ้านเลย

เอมอยู่เมืองเล็กๆ ชื่อ Haapavesi ส่วนครอบครัวอุปถัมภ์ของเอมประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 4 คน มีแม่ น้องชาย (อายุห่างกันปีเดียว) น้องสาว (อายุห่างกัน 3 ปี) และผู้ปกครองทางกฎหมาย ช่วงแรกๆเอมจะคุยกับโฮสต์มัมเอมจะเลี่ยงการเรียกชื่อ หรือการเรียกว่าแม่ค่ะ แต่พอผ่านไปสักพักเอมก็เรียกว่า “Äiti” ที่แปลว่า “แม่” ในภาษาฟินค่ะ โฮสต์มัมเป็นคนที่น่ารักมากค่ะ เขาจะคอยแนะนำเอมในเรื่องต่างๆ เสมอ สนับสนุน และยังให้กำลังใจเอมตลอดเลยค่ะ เอมได้แชร์ห้องนอนกับน้องสาวเลยทำให้ปรับตัวเข้ากันง่ายขึ้น ส่วนน้องชายกับผู้ปกครองทางกฎหมาย ถึงเอมไม่ค่อยได้คุยมากแต่พวกเขาน่ารักกับเอมมากกกกกก ส่วนตัวเอมคิดว่าเอมค่อนข้างสนิทกับโฮสต์มัมมากเลยค่ะ เพราะทำกิจกรรมด้วยกันบ่อยมาก ไม่ว่าจะไปเดินป่าด้วยกัน พาสุนัขไปเดินเล่น หรือแม้กระทั่งไปจ่ายตลาดด้วยกัน

ก่อนเอมไปเอมเคยอ่านเจอว่าฟินแลนด์มีวัฒนธรรมซาวน่า ที่บางครอบครัวจะเข้าด้วยกันโดยไม่ใส่เสื้อผ้าเลย!!!! เอมรู้สึกเกร็งมากว่าถ้าต้องไปเอมต้องทำไง (ตอนก่อนไปกังวลมาก?) แต่พอเอาเข้าจริงเอมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย เอมได้เข้าซาวน่ากับมัม และน้องสาว ช่วงแรกๆมัมก็บอกว่านุ่งผ้าเช็ดตัวได้นะ เพราะเขาเข้าใจเรา แต่หลังๆเอมก็ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวเลย ส่วนตัวคิดว่าการเข้าซาวน่าเหมือนเป็นการนั่งจับเข่าคุยกันเลยค่ะ เราได้มีโอกาสคุยกันเยอะมากขึ้น และแชร์เรื่องต่างๆมากขึ้นด้วยค่ะ

ในทุกๆเดือนโฮสต์มัมจะพาพวกเราไปบ้านคุณตา คุณยายอีกเมืองนึงค่ะ ต้องนั่งรถจากเมืองที่เอมอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงเลย คุณตาคุณยายน่ารักมาก เขาเอ็นดูเอมมากเลยค่ะโดยเฉพาะคุณยาย ตอนเอมอยู่นี่ก็จะอบขนมกับคุณยาย น้องสาว บ้างครั้งก็ไปคอกม้ากับน้องสาวค่ะ (โฮสซิสชอบม้าค่ะ) เอมชอบมากเวลาที่พวกเรามาไปที่นั่นเพราะเอมรู้สึกผ่อนคลายจนลืมไปเลยว่าต้องกลับบ้านแล้วไปโรงเรียนต่อ

เอมรู้สึกโชคดีมากเลยค่ะที่ได้มีโอกาสมาอยู่กับครอบครัวนี้ พวกเขาดูแลเอมดีเหมือนสมาชิกครอบครัวคนนึงเลยค่ะ เอมเลยรู้สึกเสียใจมากที่พอรู้ว่าตัวเองต้องกลับไทยก่อนกำหนด เพราะเอมยังอยากใช้เวลากับพวกเขาอีกค่ะ

HOST SCHOOL AND FRIENDS

วันนี้เอมก็จะมาเล่าเรื่องโรงเรียน และเพื่อนที่นู่น เอมเชื่อว่าหลายคนต้องอยากรู้แน่นอนว่าโรงเรียนที่นี่เป็นยังไงเพราะมักจะได้ยินเสมอว่าประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีการศึกษาดีที่สุดในโลก เอมอยู่ที่เมืองค่อนข้างเล็กดังนั้นโรงเรียนที่เอมเรียนเล็กมากเลยค่ะ เล็กแต่มากคุณภาพนะคะ >< ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะเล็กแต่ก็มีสื่อการสอน และการจัดการสอนเหมือนโรงเรียนใหญ่ทั่วไปเลยค่ะ พูดสั้นๆ ก็คือโรงเรียนทุกที่มีคุณภาพเท่ากันหมดเลยค่ะไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือ ใหญ่

ข้อดีของโรงเรียนขนาดเล็กคือคุณครูกับนักเรียนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นค่ะ การเรียนการสอนที่นู่นจะใช้ภาษาฟินเกือบ 100% ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษค่ะ ดังนั้นจึงค่อนข้างท้าทายมากเลยค่ะสำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยนอย่างเรา แต่ก็โชคดีมากที่คุณครูเข้าใจจึงคอยช่วยเหลือ พอตอนสอบก็จะมีข้อสอบแยกให้เรา

วิชาที่เรียนก็คล้ายบ้านเราเลย แต่ใน 1 ปีจะแบ่งเป็น 5 ถึง 6 เทอมขึ้นกับแต่ละโรงเรียนค่ะ (โรงเรียนเอมเรียน 6 เทอม) เวลาเลิกเรียนช้าสุดคือ 4 โมงเย็น เร็วสุดคือบ่าย 2 ค่ะ มันขึ้นอยู่กับวิชาที่เราเลือกลงในแต่ละเทอม การเรียนและการสอนที่นู่นเป็นระบบมากแต่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีการศึกษาดีที่สุดน่าจะมาจากความกระตือรือร้นของนักเรียน (นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนมาก และมีความรับผิดชอบสูงมาก) ส่วนตัวเอมชอบวิชาภาษาอังกฤษที่นู่นมากค่ะ (คุณครูอังกฤษคอยช่วยนักเรียนแลกเปลี่ยนตลอดเลย)

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมซึ่งถือว่าเป็นประเพณีของทุกโรงเรียนในฟินแลนด์เลยก็ว่าได้นั่นก็คือ “งานเต้นรำ Wanhat”ค่ะ อธิบายสั้นๆ ก็คืองานเต้นรำของนักเรียนชั้นปี 2 ของที่นู่นโดยจัดเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี เอมไปเรียนที่นู่นชั้นปี 1 ค่ะ แต่อาจารย์ใหญ่ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนด้วย ตอนแรกเอมก็ลังเลว่าจะเต้นดีไหมเพราะสกิลการเต้นเอมคืออ่อนมากกกกก แต่ด้วยความที่อยากลองกับโฮสมัมที่แนะนำมา เอมเลยตัดสินใจเต้นค่ะ ต้องบอกเลยว่าเหนื่อยมากเพราะเอมจำท่าเต้นไม่ค่อยได้ และบางครั้งเอมก็ไม่ค่อยเข้าใจที่ครูสอนเพราะครูจะพูดฟินเป็นหลัก แต่เพื่อนฟินก็จะช่วยแปลและให้กำลังใจตลอดเลยค่ะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ท้าทายเอมมาก แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีเลยค่ะ

พูดถึงเรื่องโรงเรียนแล้วมาฟังเรื่องเพื่อนที่นู่นกันบ้างดีกว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าคนฟินเป็นคนค่อนข้างขี้อาย เอมคิดว่าส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่ทุกคนนะคะ เพื่อนฟินเฟรนลี่แล้วก็น่ารักมากเลยค่ะ เค้าคอยช่วยแปลภาษาฟินเป็นอังกฤษเวลาที่เอมไม่เข้าใจตอนเรียน และยังคอยช่วยเหลือ หรือแม้กระทั่งแนะนำเมื่อต้องทำกิจกรรมต่างๆ ด้วย ถึงแม้ว่าคนฟินจะค่อนข้างพูดน้อยแต่เมื่อสนิทกัน เค้าจริงใจกับเรามากค่ะ

 

AFS BEST MEMORIES

สำหรับตอนนี้เอมก็จะมาแชร์ประสบการณ์ที่ประทับใจในการแลกเปลี่ยนค่ะ ต้องบอกเลยว่าเอมมีสิ่งที่ประทับใจเยอะมาก สิ่งแรกที่เอมประทับใจ คือ การได้เจอโฮสต์แฟมมิลี่เป็นครั้งแรก มันเป็นโมเมนต์ที่ตื่นเต้นมากค่ะเพราะเราต้องไปใช้ชีวิตกับพวกเขาตั้งเกือบปี เอมเชื่อว่านักเรียนแลกเปลี่ยนหลายคนก็รู้สึกแบบนี้ โมเมนต์ที่เอมประทับใจกับโฮสต์แฟมมิลี่มีค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการไปเดินเล่น และเก็บเบอร์รี่ในป่า การเข้าซาวน่าด้วยกันหรือแม้กระทั่งการอบขนมด้วยกันในช่วงคริสต์มาสต์ อาหารฟินที่ฉันชอบที่สุดคือ karjalanpiirakka (karelian pasty) โฮสต์มัมกับคุณยายเลยสอนเอมทำ และบ้างครั้งเวลาที่เอมมาหาคุณตาคุณยาย คุณยายก็จะเตรียมให้เพราะรู้ว่าเอมชอบมาก ในวันคริสมาสต์เอมยังได้รับของขวัญจากสมาชิกในครอบครัว contact person และจากโรงเรียนอีกด้วยb(คนที่ทำให้เอมเซอร์ไพรส์มากสุดคือ น้องชายกับน้องสาวค่ะ)

 

ทุกคนอาจจะสงสัยว่า “ทำไมเอมถึงชอบเดินป่า” ต้องบอกก่อนว่าว่าป่าที่ฟินแลนด์ไม่ได้เหมือนที่ไทยนะคะ!!! ป่าของเค้าจะไม่มีสัตว์ที่ทำอันตรายเลยในช่วงฤดูหนาว (สัตว์ที่ควรระวังช่วงอื่นก็คือผึ้งกับงูที่มีพิษไม่ถึงตายค่ะ ส่วนตัวไม่เคยเจองูเลยนะคะแต่เคยเจอผึ้งตอนช่วงฤดูใบ้ไม้ร่วง) ประเทศฟินแลนด์มีป่าเยอะมาก คนฟินเลยชอบไปเดินป่าเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ บางคนก็ไปออกกำลังกายกันค่ะ ตอนช่วงวันหยุดฤดูหนาวเอมได้เดินป่ากับโฮสต์มัมค่อนข้างบ่อยเลยทีเดียว เอมเป็นคนชอบเดินอยู่แล้วเอมจึงประทับใจมากค่ะ^^ เอมลืมบอกไปว่าในครอบครัวของเอมยังมีสมาชิกพิเศษ 3 ตัว นั่นก็คือ สุนัข 2 ตัว (ตัวนึงเป็นหมาตัวใหญ่ อีกตัวนึงตัวเล็ก) และแมวค่ะ ทุกวันเอมจะต้องพาซานนี่b(หมาตัวเล็ก)ไปเดินเกือบทุกวันค่ะ ด้วยความที่เราไม่เคยทำมาก่อนมันจึงค่อนข้างสนุกสำหรับเอม (เอมเคยอยากจะพาเอสซี่เจ้าหมาตัวใหญ่ไปเดินด้วย แต่เอมคิดว่ามันค่อนข้างยากค่ะน้องแรงเยอะมาก)

นอกจากโฮสต์แฟมมิลี่แล้วก็ยังมีครอบครัวของ contact person ค่ะ เราเจอกันครั้งแรกตอนเอมอยู่ฟินแลนด์มา 5 วัน ก่อนนัดเจอกันพอเค้ารู้ว่าเอมชอบว่ายน้ำ เค้าเลยนัดกับเอมว่าไปว่ายน้ำด้วยกันค่ะ หลังจากนั้นพวกเราก็จะนัดเจอกันที่สระว่ายน้ำกันค่ะ มีช่วงนึงที่โฮสต์มัมต้องไปสัมมนาที่ต่างประเทศ เอมจึงต้องไปอยู่บ้านของ contact person 2 วัน เค้าดูแลเอมดีมาก และเค้ายังพาเอมไปเที่ยวบ้านของเค้าที่เมือง Rovaniemi (เมืองซานตาคลอส) ด้วยค่ะ

พูดถึงความประทับใจของครอบครัวกับ contact person เอมกันไปแล้วมาพูดถึงเพื่อนฟินและเพื่อนแลกเปลี่ยนกันบ้างดีกว่า เอมขอเริ่มกันที่เพื่อนฟินก่อนนะคะ จากที่เคยกล่าวมาในตอนที่แล้ว เอมประทับใจในความจริงใจ และความมีน้ำใจของเพื่อนค่ะ ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้แต่เค้าก็พยายามช่วยเราค่ะ เอมได้มีโอกาสเดินป่ากับเพื่อน แล้วหลังจากนั้นเราก็ย่างไส้กรอกกับมาชเมลโล่ด้วยกัน วันนั้นสนุกมากเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เอมได้ทำอย่างนั้นกับเพื่อน(ถ้าเป็นที่ไทยเราอาจจะไปคาเฟ่สักที่ ดังนั้นเอมประทับใจวันนั้นมากกกกก)

เอมคิดว่าเอมค่อนข้างสนิทกับเพื่อนแลกเปลี่ยนมากเลยทีเดียว เอมได้มีโอกาสเจอเพื่อนแลกเปลี่ยนจาก AFS ครั้งแรกตอนวันแรกที่สนามบินค่ะ เนื่องจากเมืองเอมอยู่ค่อนข้างเหนือ เอมจึงต้องต่อเครื่องค่ะ เอมจึงมีโอกาสคุยกับเพื่อนแลกเปลี่ยนที่จำเป็นต้องต่อเครื่องเหมือนกันระหว่างรอเครื่องค่ะ เอมว่าการได้คุยกับเพื่อนแลกเปลี่ยนตอนนั้นช่วยให้เอมรู้สึกประหม่าน้อยลงค่ะ เอมโชคดีที่มีเพื่อนแลกเปลี่ยนจากฮ่องกงเป็นเพื่อนบ้านค่ะดังนั้นเราจึงคอยช่วยกันเสมอค่ะ (เพื่อนฮ่องกงช่วยเอมแต่งหน้าในงานเต้นด้วยค่ะ ^^)

และสิ่งที่เอมประทับใจมากที่สุดพอๆกับเรื่องครอบครัวก็คือ “ค่าย AFS” ค่ายแรกของเราจัดหลังจากที่อาศัยอยู่ที่นั่น 1 เดือนค่ะเป็นค่าย orientation เอมได้พบเพื่อนที่เคยเจอกันที่สนามบิน และเพื่อนคนอื่นๆที่อยู่ chapter เดียวกันค่ะ(chapter จะแบ่งตามเมืองที่เราอยู่ในประเทศฟินแลนด์) พวกเราได้มีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน และแชร์ความคิดเห็นร่วมกันค่ะ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆใน chapter อีกด้วย เช่น งาน Pikkujoulu (งานเลี้ยงก่อนวันคริสต์มาส) ที่ทุกคนต้องเตรียมขนมหวานประจำชาติมาค่ะ (เอมทำข้าวเหนียวมะม่วง) เอมจึงค่อนข้างสนิทกับเพื่อนแลกเปลี่ยนค่ะ และค่ายที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ก็คือ “Lapland trip” เป็นค่ายที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเองค่ะ เราสามารถเลือกได้ว่าจะไปหรือไม่ แต่ไหนๆก็มาแล้วทำไมเอมจะไม่ไป? ที่นั่นทำให้เอมรู้จักเพื่อนแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นเยอะมากแถมยังได้ทำกิจกรรมด้วยกันอีก นอกจากนี้ยังทำให้เอมได้เจอเพื่อนไทยที่มาด้วยกันด้วยค่ะ (เจอครั้งล่าสุดคือที่สนามบินค่ะ?) เอมได้ลองทำกิจกรรมฤดูหนาวต่างๆที่นั่นไม่ว่าจะเป็นเล่นสกี เดินเขา ไปฟาร์มเรนเดียร์ ไปหมู่บ้านซานตาคลอส (เอมได้ไปที่นั่นตั้ง 2 ครั้งแหนะ) และที่พลาดไม่ได้คือ Sauna และ Avanto (การแช่บ่อน้ำแข็ง) ต้องบอกเลยว่าถ้าใครพลาดคือไม่ถึงฟินแลนด์ค่ะ ก่อนอื่นเราต้องเข้าซาวน่าสักพักแล้วไป Avanto ค่ะแล้วก็กลับมาซาวน่าอีกครั้ง ตอนที่เราอยู่ห้องซาวน่าก็จะทำให้เรารู้จักเพื่อนใหม่ไปด้วยค่ะ

เอมจะพลาดเรื่องนี้ไม่ได้นั่นก็คือ “Chocolate” เอมเป็นคนที่ไม่ชอบทานช็อกโกแลตเลยค่ะ แต่ช็อกโกแลตของที่นี่อร่อยมากกกกกก กลายเป็นว่าเอมชอบช็อกโกแล็ตไปเลย ถ้าใครมาที่นี่ห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ (ขอย้ำ ห้ามพลาด!!!)

เมื่อพูดถึงประเทศโซนนี้ก็ต้องพูดถึงแสงเหนือค่ะ ตอนแรกพวกเราคาดหวังมากที่จะได้เห็นแสงเหนื่อที่แลปแลนด์ค่ะ แต่โชคร้ายที่ท้องฟ้าไม่เต็มใจ เอมกลับมาได้เห็นแสงเหนือที่เมืองของเอมเอง คืนนั้นโชคดีมากค่ะที่เอมไม่ได้เผลอหลับซะก่อน?

 

ต้องบอกเลยว่าประเทศฟินแลนด์ไม่ได้มีแค่การศึกษาที่ดีอย่างเดียวนะคะ ยังมีอีกเยอะเลยที่เอมยังไม่ได้กล่าวมาค่ะ และนี่ก็คือความประทับใจของเอมตลอดเวลาที่ไปอยู่ที่นั่นค่ะ (ที่จริงเอมยังมีความประทับใจเล็กๆ น้อยๆ อีกเพียบ แต่พอก่อนแล้วกันเนอะ555) ใครคนไหนที่สนใจไปเที่ยวประเทศแถบสแกนดิเนเวีย และชอบมูมินแล้วก็อย่าลืมประเทศฟินแลนด์นะคะ

“From AFS student to Global citizens”

ตอนนี้ก็มาถึงตอนสุดท้ายแล้ว!!! ทุกคนคงอยากรู้ว่าใช่ไหมคะว่าเอมได้อะไรกลับมาจากการไปฟินแลนด์บ้าง ก่อนอื่นเลยเอมต้องบอกว่าสาเหตุหลักที่เอมตัดสินใจไปแลกเปลี่ยนคือ “ประสบการณ์” ค่ะ เอมอยากลองไปใช้ชีวิตกับครอบครัวอุปถัมภ์ ไปใช้ชีวิตมัธยมที่นู่น มีเพื่อนต่างประเทศ และอยากไปลองไปทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนค่ะ เช่น เล่นสกี อะไรทำนองนี้ค่ะ

สิ่งที่เอมได้รับกลับมาแน่นอนว่าคือ “ประสบการณ์” ค่ะ ทั้งดีแล้วก็ไม่ดี เอมคิดว่าประสบการณ์เหล่านี้มันช่วยให้เอมรู้ว่าเอมควรปรับปรุงอะไร และควรพัฒนาตัวเองอย่างไรให้ดีขึ้นค่ะ และสิ่งที่ได้รับนอกจากประสบการณ์ก็คือการได้รู้จักเพื่อนใหม่ค่ะ เอมได้มีโอกาสพูดคุยและแชร์ความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ร่วมกัน ทำให้เอมรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเพิ่มมากขึ้นค่ะ การแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ทำให้ในอนาคตเอมอยากลองเป็นอาสาสมัครในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และอยากลองเป็นอาสาสมัคร AFS ช่วยนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาที่ไทยค่ะ (เพราะตอนที่ไปฟินจะมีพี่ๆอาสาสมัคร AFS ของที่นู่นคอยช่วยเด็กแลกเปลี่ยนค่ะ แถมยังจัดกิจกรรมสนุก ๆให้ด้วย และก็ยังคอยให้คำปรึกษาอีก)

สุดท้ายนี้นะคะ เอมขอบคุณทุกคนมากค่ะที่คอยติดตามมาถึงตอนสุดท้าย เรื่องของเอมจบแล้วแต่ก็ยังมีเรื่องของเพื่อนๆ คนอื่นให้ทุกคนได้ติดตามกันอีกนะคะ สำหรับวันนี้เอมคงต้องลาไปก่อน ~ขอบคุณค่ะ~ ~kiitos~

หากน้องๆ สนใจ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศฟินแลนด์ได้ที่: https://afsthailand.org/countries/finland/
สมัครเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอส:
https://afsthailand.org/study-abroad/




ติดตามข่าวสารของเอเอฟเอสประเทศไทยได้ทาง:
Website : http://afsthailand.org/
Facebook : https://www.facebook.com/afsthailandofficial/
Instagram : https://www.instagram.com/officialafsthailand/
Email : [email protected]
Tel : 02-5746197

#AFSThailand
#AFSProgram
#AFSFinland
#AFSAlumni
#AFSeffect