ถ้าพูดถึงการไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ เชื่อว่าชื่อแรกที่เด้งเข้ามาในหัวของน้อง ๆ นักเรียนหรือคุณพ่อคุณแม่ย่อมหนีไม่พ้น “AFS” อย่างแน่นอน เพราะนี่คือตำนานของวงการแลกเปลี่ยนที่อยู่คู่เด็กไทยมาหลายสิบปี แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่มีเอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศมากมาย คำถามสำคัญที่หลายคนเริ่มลังเลคือ แล้วแบบนี้การเลือกไปกับ “AFS ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่มั้ย?”

รู้จัก AFS คือใคร ดีไหม?

ถ้าพูดถึงการไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ เชื่อว่าชื่อแรกที่เด้งเข้ามาในหัวของน้อง ๆ นักเรียนหรือคุณพ่อคุณแม่ย่อมหนีไม่พ้น “AFS” อย่างแน่นอน เพราะนี่คือตำนานของวงการแลกเปลี่ยนที่อยู่คู่เด็กไทยมาหลายสิบปี แต่ในโลกยุคปัจจุบันที่มีเอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศมากมาย คำถามสำคัญที่หลายคนเริ่มลังเลคือ แล้วแบบนี้การเลือกไปกับ “AFS ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่มั้ย?” 

บทความนี้ AFS Thailand จะพาไปเจาะลึกแบบไม่มีกั๊ก ว่า AFS คือใคร ดีไหม? รวมข้อดี ข้อจำกัดที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจสมัคร พร้อมรีวิวจากเหล่ารุ่นพี่ที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนนานาชาติ จะเป็นอย่างไรกันบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย!

ทำความรู้จัก AFS คือใคร? โครงการแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรม

ก่อนจะไปดูรีวิว เราทำความรู้จักภาพรวมกันก่อนดีกว่าว่าAFS คือใคร และทำไมถึงมีระบบการจัดการที่แตกต่างจากเอเจนซี่ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง

รู้จัก AFS คือใคร ประวัติที่มา และเครือข่ายทั่วโลก

AFS คือใคร? AFS (American Field Service) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นหน่วยอาสาสมัครรถพยาบาลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก่อนจะปรับเป็นองค์กรแลกเปลี่ยนเยาวชนนานาชาติโดยมุ่งหวังให้เกิดสันติภาพผ่านการเรียนรู้วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 100 ปี และเครือข่ายที่มีอยู่กว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทำให้ AFS ได้รับการยอมรับว่าเป็นองค์กรแลกเปลี่ยนที่ “เก่าแก่และน่าเชื่อถือที่สุดในโลก”

ระบบอาสาสมัคร (Volunteer System)

สิ่งที่ทำให้ AFS แตกต่างจากที่อื่นอย่างคือ “ระบบอาสาสมัคร” (Volunteer System) ซึ่งที่ AFS มีเครือข่ายของอาสาสมัครนับแสนคนทั่วโลกที่ทำงานด้วยใจ ตั้งแต่ครอบครัวอุปถัมภ์ (Host Family) ที่รับเด็กไปดูแลโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน (ในประเทศส่วนใหญ่) ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ประสานงานในชุมชน การที่โฮสต์แฟมิลี่เลือกรับเด็กเพราะ “อยากรับ” จริง ๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน ทำให้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมักจะลึกซึ้งและผูกพันกันเหมือนครอบครัวจริง ๆ มากกว่าแค่คนเช่าบ้านอยู่

AFS มีโครงการอะไรบ้าง?

สำหรับโครงการที่น่าสนใจของ AFS มีดังนี้

  • โครงการแลกเปลี่ยนระยะ 1 ปี (Year Programs): โครงการยอดฮิตสำหรับเด็กมัธยม ที่จะไปใช้ชีวิต กินอยู่กับโฮสต์แฟมิลี่ และเรียนในโรงเรียนท้องถิ่นตลอด 1 ปีการศึกษา เพื่อซึมซับภาษาและวัฒนธรรมแบบเจาะลึกของประเทศที่เลือกไปศึกษา
  • โครงการระยะสั้น ตั้งแต่ 2-12 สัปดาห์ (Short Programs): โครงการแลกเปลี่ยนระยะสั้น อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับน้อง ๆ ที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์สมัครเข้าร่วมโครงการระยะ 1 ปี หรือมีเวลาน้อยหรือไม่อยากหยุดเรียน โดยจะเน้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เรียนภาษา หรือฝึกงานในช่วงปิดเทอม แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ AFS การันตีว่านักเรียนจะได้รับประสบการณ์คุ้มค่า
  • โครงการค่ายพัฒนาทักษะและภาษา (Camp Programs): ค่ายกิจกรรมระยะสั้น 2-5 วัน ที่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นความสนุกควบคู่สาระ เพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ภาวะผู้นำ Future Skills และการเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen)

5 ข้อดีที่ทำให้ AFS ยังครองใจเด็กไทยมายาวนาน

AFS คือใคร มีข้อดีอะไรที่ทำให้เด็กไทยประทับใจบ้าง

แม้จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นมากมาย แต่ทำไมนักเรียนทั่วประเทศยังคงแย่งกันสอบคัดเลือก AFS ทุกปี? และนี่คือ 5 ข้อดีของโครงการแลกเปลี่ยน AFS ที่ยังครองใจเด็กไทยมายาวนาน ดังนี้

1. ค่ายเตรียมความพร้อม กิจกรรมแน่น เพื่อนเยอะ Connection เพียบ

หนึ่งในไฮไลต์ที่รุ่นพี่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่สุด คือ ระบบค่ายของ AFS ตั้งแต่ค่ายก่อนเดินทาง ค่ายระหว่างปี ไปจนถึงค่ายหลังกลับไทย กระบวนการเหล่านี้ไม่ได้แค่เตรียมความพร้อมเรื่องภาษาหรือวัฒนธรรม แต่เป็นการละลายพฤติกรรม สร้างเพื่อน และสร้างความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นมาก รุ่นพี่รุ่นน้อง AFS มักจะรู้จักกันเป็นวงกว้างและมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอซึ่งหาได้ยากในโครงการอื่น

2. มาตรฐานความปลอดภัย มี Liaison (พี่เลี้ยง) ดูแลในพื้นที่จริงจัง

ที่ AFS มีระบบที่เรียกว่า Liaison หรืออาสาสมัครพี่เลี้ยงประจำตัวนักเรียน ซึ่งจะเป็นคนในชุมชนนั้น ๆ คอยดูแลสารทุกข์สุกดิบ เป็นที่ปรึกษาเมื่อมีปัญหากับโฮสต์ หรือมีเรื่องไม่สบายใจ น้อง ๆ จะไม่ต้องแก้ปัญหาคนเดียว การมีคนในพื้นที่คอยดูแลและรายงานผลกลับมายัง AFS ทำให้การจัดการปัญหาเป็นไปอย่างเป็นระบบและรวดเร็ว

3. ความหลากหลายของ Host Countries

AFS ไม่ได้มี Host Countries แค่อเมริกา (USA) แต่ยังมีประเทศยอดนิยมอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น อิตาลี, เยอรมนี, ฟินแลนด์,เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, บราซิล, อาร์เจนตินา,แคนาดา, อินเดีย, ญี่ปุ่น, จีน,ออสเตรเลีย และประเทศอื่น ๆ ในทุกทวีปทั่วโลก เพื่อสะท้อนถึงหลักการเรียนรู้ความหลากหลายและ Global Citizen อย่างแท้จริง

เช็กเลย ไปแลกเปลี่ยน AFS มีประเทศอะไรบ้าง

4. ระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง (Alumni Network) สังคมที่แข็งแกร่ง ช่วยเหลือกันแม้จบโครงการไปแล้ว

ความเป็นครอบครัว AFS ไม่ได้จบลงเมื่อจบโครงการ เครือข่ายรุ่นพี่ (Returnees) ในไทยนั้นเข้มแข็งมาก มีกิจกรรมรวมรุ่น มีชมรมอาสาสมัครให้รุ่นน้องได้กลับมาช่วยงาน เป็นสตาฟค่าย หรือช่วยติวน้องรุ่นต่อไป วัฒนธรรมการส่งต่อความช่วยเหลือแบบพี่ดูแลน้องนี้ ทำให้เด็ก AFS มีที่ปรึกษาทั้งเรื่องเรียนต่อ เรื่องงาน หรือการใช้ชีวิต แม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม

5. การยอมรับระดับสากล

การผ่านการคัดเลือกและจบโครงการ AFS มาได้ ถือเป็นเครื่องการันตีความอดทนและการปรับตัว ในสายตาของมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ การมีชื่อ AFS ใน Portfolio ช่วยเพิ่มเครดิตและความน่าเชื่อถือให้กับโปรไฟล์ของน้อง ๆ ได้อย่างมาก เป็นการบ่งบอกว่าเด็กคนนี้มี Global Mindset มีทักษะการแก้ปัญหา และมีความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็น Soft Skills ที่ทุกองค์กรต้องการ

มาดูข้อจำกัดที่ต้องรู้ของ AFS ก่อนสมัคร

AFS คือใคร และข้อจำกัดที่ควรรู้

หลังจากที่เข้าใจกันแล้วว่า AFS คือใคร มีโครงการอะไรที่น่าสนใจไปแล้วบ้าง มาลองมาพิจารณาข้อจำกัดที่ควรรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนสมัครกันบ้าง ดังนี้

  • Host Family คือผู้เลือกนักเรียน: AFS เน้นการจัดสรรนักเรียนให้เข้ากับโฮสต์แฟมิลี่ที่เหมาะสมที่สุด โดยการ matching background พื้นฐานความชอบ ความสนใจในสิ่งต่างๆ ที่มีร่วมกัน ดังนั้น host family จะเป็นผู้เลือกนักเรียนที่มีลักษณะความชอบ หรือวิถีชีวิตใกล้เคียงกับครอบครัว host family ซึ่งข้อดีคือ จะช่วยให้นักเรียนปรับตัวได้ง่ายขึ้น แต่หากนักเรียนมีปัญหากับ host family ทาง AFS จะมีกระบวนการช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา เพื่อให้นักเรียนและ host family ปรับตัวเข้าหากันและอยู่ร่วมกันได้ 
  • กฎระเบียบเคร่งครัดระหว่างเข้าร่วมโครงการ:  AFS เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นอันดับที่ 1 ดังนั้น กฎของ AFS จึงเคร่งครัดเพื่อประโยชน์แก่ตัวนักเรียนเอง เช่น ห้ามขับรถ, ห้ามดื่มแอลกอฮอล์, ห้ามเดินทางข้ามเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนอาจถูกส่งกลับไทยทันที
  • AFS รับผู้เข้าร่วมโครงการได้จำกัดและต้องผ่านการสอบคัดเลือก: เนื่องจาก AFS เป็นโครงการแลกเปลี่ยนในเครือข่ายทั่วโลก ดังนั้น ในแต่ละปี AFS จะสามารถรับผู้เข้าร่วมโครงการได้จำนวนจำกัดตามจำนวนที่ประเทศ Host Country กำหนดไว้ ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ AFS ต้องจัดสอบคัดเลือกเพื่อค้นหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด ส่งผลให้นักเรียนต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง เช่น สอบข้อเขียน, เข้าค่าย, ซึ่งต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ต่อเนื่อง

อยากไปแลกเปลี่ยนกับ AFS ต้องเตรียมงบเท่าไหร่?

การไปกับ AFS มีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า “เงินบริจาคสมทบทุน” (Program Fee) ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเทศปลายทางและลักษณะโครงการ โดยมีอัตราระหว่าง 350,000 – 1,000,000 บาท

นอกเหนือจาก Program Fee ผู้ปกครองต้องเตรียม Pocket Money รายเดือนให้ลูกประมาณ 10,000 – 15,000 บาท สำหรับใช้จ่ายส่วนตัว และค่าตรวจสุขภาพ (7,000-10,000 บาท)

รวมรีวิวของเหล่ารุ่นพี่ ที่ไปแลกเปลี่ยนกับโครงการ AFS เป็นอย่างไรกันบ้าง?

มาส่องรีวิวจากประสบการณ์จริงของเหล่ารุ่นพี่ที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนเพื่อการศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติกับ AFS กันชัด ๆ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง คุ้มค่าไหม และประทับใจกันขนาดไหนบ้าง ไปอ่านบางส่วนพร้อม ๆ กันเลย

น้องปลื้มปริ่ม นักเรียน AFS จากโครงการแลกเปลี่ยนระยะ 1 ปี รุ่น 60 (ประเทศเดนมาร์ก)

น้องปลื้มปริ่ม นักเรียนจากโครงการของ AFS

การเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนระยะ 1 ปีที่ประเทศเดนมาร์ก ได้สัมผัสประสบการณ์การอยู่อาศัยทั้งแบบหอพัก และกับครอบครัว Host family ซึ่งได้สัมผัสทั้งการเรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง การรับผิดชอบในหน้าที่ต่าง ๆ จากการอาศัยอยู่หอพัก ได้ใกล้ชิดกับเพื่อน ๆ ได้ทำกิจกรรมเพื่อนสนิทกับเพื่อนต่างชาติได้ด้วยค่ะ ไปใช้เวลาด้วยในช่วงวันหยุดยาว หรือวันหยุดเทศกาล ได้ไปใกล้ชิดกับวัฒนธรรม Danish ผ่านเทศกาลต่าง ๆ กับครอบครัว Host family ซึ่ง Host ก็ต้อนรับปลื้มอบอุ่นมากค่ะ เวลาที่ปลื้มมีปัญหาเค้าก็พร้อมที่จะ support ปลื้มตลอด แถมในปัจจุบันนี้ทั้งปลื้มและ Host family ก็ยังคงติดต่อกันอยู่ค่ะ

น้องจีน นักเรียน AFS จากโครงการแลกเปลี่ยนระยะ 1 ปี รุ่น 62 (ประเทศจีน)

น้องจีน นักเรียนจากโครงการของ AFS

“สิ่งที่จีนได้จากการไปโครงการแลกเปลี่ยนระยะ 1 ปีกับ AFS นั่นก็คือ เรื่องของภาษา เพราะเราไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น เราแวดล้อมไปด้วยภาษาจีน นอกจากนี้ เรายังได้เจอมิตรภาพดี ๆ ทั้งเพื่อนคนจีน เพื่อนคนไทย ได้ฝึกทักษะการใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไปอยู่ที่นู้นโดยไม่มีพ่อแม่ ต้องรู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และทำให้รู้ว่าอยากไปเรียนในด้านไหน รู้จักสายอาชีพ สายงานมากขึ้น เพื่อนำไปต่อยอดในการเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ”

น้องพีช นักเรียน AFS จากโครงการแลกเปลี่ยนระยะ 1 ปี รุ่น 62 (ประเทศสหรัฐอเมริกา)

น้องพีช นักเรียนจากโครงการของ AFS

สำหรับพีช การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในครั้งนี้กับ AFS คุ้มค่ามากค่ะ ได้เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของประเทศที่เราไปแลกเปลี่ยน, รู้จักผู้คนใหม่ ๆ อย่าง double placement นักเรียนแลกเปลี่ยนที่มาจากโมลโดวา, เพื่อน ๆ ในโรงเรียนที่น่ารัก, Host family ที่พาไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงก่อนเปิดเทอม เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ชีวิตและอีกมากมายของพีชเลยค่ะ

อ่านรีวิวความประทับใจจากเหล่ารุ่นพี่นักเรียน AFS เพิ่มเติมได้เลยที่ Alumni’s Talk 

FAQ รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ AFS ที่อยากให้คุณรู้จักมากยิ่งขึ้น

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงได้คำตอบแล้วว่า AFS คือใคร แต่เชื่อว่าหลายคนยังมีคำถาามที่สงสัยกันอยู่บ้าง วันนี้ AFS Thailand ได้รวบรวมคำถามยอดฮิต เพื่อคลายข้อสงสัยมาให้แล้ว ดังนี้

คุณสมบัติของผู้สมัคร AFS

สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร AFS มีดังต่อไปนี้

  • ต้องเป็นนักเรียนที่มีสัญชาติไทย
  • อายุระหว่าง 15-17 ปี (ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละประเทศ)
  • กำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3-5 หรือเทียบเท่า และเป็นสถานศึกษาในประเทศไทยที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง (ตั้งแต่สมัครเข้าร่วมโครงการ-เสร็จสิ้นการเข้าร่วมโครงการ)
  • มี GPA ภาคเรียนสุดท้าย ขณะสมัครเข้าร่วมโครงการ และก่อนการเดินทาง ที่ไม่ต่ำกว่า 2.30 หรือตามที่ประเทศอุปถัมภ์ในเเต่ละประเทศกำหนด 
  • ไม่มีติด 0, ร, มผ และ มส หรือที่แสดงว่านักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของโรงเรียน เช่น F, I, E ที่ระบุในผลการเรียน

AFS เปิดรับสมัครเมื่อไหร่?

ส่วนใหญ่แล้วโครงการแลกเปลี่ยนของ AFS จะเปิดรับสมัครประมาณเดือนเมษายน – ต้นเดือนมิถุนายน ของทุกปี

ถ้าได้โฮสต์ไม่ดี หรือมีปัญหา AFS ช่วยเหลือยังไง?

ระบบการช่วยเหลือของ AFS เป็นลำดับขั้น เริ่มจากปรึกษา Liaison (พี่เลี้ยง) ประจำตัว ขั้นต่อไปเรื่องจะถูกส่งต่อไปยังประธานศูนย์ (Chapter) และสำนักงานใหญ่ (National Office) ตามลำดับ หากปัญหาเกิดจากความไม่เหมาะสมหรือความปลอดภัย AFS มีมาตรการในการเปลี่ยนโฮสต์แฟมิลี่ (Move Host) ตามลำดับขั้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหา

ภาษาไม่แข็งแรง ไป AFS จะรอดไหม?

รอดแน่นอน! โครงการนี้ออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่สำหรับคนที่เก่งแล้วถึงไปได้ ขอแค่มีพื้นฐานพอสื่อสารเอาตัวรอดได้ (Survival English) ก็เพียงพอแล้ว สภาพแวดล้อมจะบังคับให้เราต้องฟังและพูด จนเก่งขึ้นเองโดยอัตโนมัติ รุ่นพี่หลายคนเริ่มจากศูนย์ กลับมาพูดไฟแลบก็มีเยอะไป

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้าง หวังว่าทุกคนคงจะได้รู้จัก AFS Thailand กันมากขึ้นแล้ว เรียกได้ว่า AFS เป็นอีกหนึ่งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกไปสัมผัสกับประสบการณ์เปลี่ยนชีวิต เก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ แลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรม และนำประสบการณ์ล้ำค่าเหล่านั้นกลับมาต่อยอดอนาคตให้เติบขึ้นไปอีกขั้นกันเถอะ!

สำหรับน้อง ๆ นักเรียนคนไหนสนใจไปโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรมกับ AFS Thailand สามารถติดตามข่าวสารรายละเอียดโครงการ หรือติดต่อเราได้ที่ช่องทางนี้

เอเอฟเอส ประเทศไทย

Email : [email protected]

​Tel : 02574-6197

Line: @afsthailand