Highlight

  • เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภาษา ประเพณี และผู้คน
  • เป็นประเทศที่คนสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
  • ระบบการศึกษาที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ และเน้นหลักสูตร STEM
  • เป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังพัฒนา
  •  มีแหล่งมรดกโลกอยู่มากมายมากกว่า 30 แห่ง
IMG_5501 (1)

ลักษณะโครงการ

  • โครงการระยะ 1 ปี ณ ประเทศอินเดีย
  • นักเรียนจะได้ศึกษาเป็นภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมตอนปลาย
  • นักเรียนจะพักอยู่ในหอพักของโรงเรียน
  • นักเรียนจะพักอาศัยอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ชาวอินเดียช่วงวันหยุดหรือวันสุดสัปดาห์
IMG_2108

ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ

เดือนกรกฎาคม – พฤษภาคมปีถัดไป โดยประมาณ

IMG_4589 (1)

ระบบการศึกษา

  •  มีหลักสูตร STEM (Science, Technology, Engineering, and Mathematics)
  •  มีคอร์สเรียนภาษาท้องถิ่นให้กับนักเรียนระหว่างเข้าร่วมโครงการ
  • มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆมากมายในโรงเรียน
  • มีรบบการดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง
ben-mullins-oXV3bzR7jxI-unsplash

ภาษา

ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารและการเรียนคือภาษาอังกฤษ

mitchell-ng-liang-an-KkDUWOKHOCk-unsplash

ศาสนา

  • ฮินดู ร้อยละ 81.3
  • มุสลิม ร้อยละ 12
  • คริสต์ ร้อยละ 2.3
  • ซิกข์ ร้อยละ 1.9
  • อื่น ๆ (พุทธและเชน) ร้อยละ 2.5
lior-shapira-GKxsKNTfZd8-unsplash

วัฒนธรรมการรับประทานอาหาร

  • คนอินเดียมักจะรับประทานแป้งและข้าวเป็นหลัก มื้ออาหารของคนอินเดียมักจะประกอบด้วยขนมปังหรือแป้ง ชนิดต่างๆ เพื่อนำมาทานร่วมกับแกง  เนยใส หรือโยเกิร์ต
  • จาปาตีนั้นจะมีลักษณะเป็นแป้งแบนๆ สีน้ำตาลคล้ายกับแผ่นทอร์ติญาของเม็กซิกัน จี่บนกระทะแบนๆโดยไม่ใช้ น้ำมัน เนื่องจากไม่ได้ไม่มียีสต์เป็นส่วนผสม จาปาตีจึงไม่ฟูและนิ่มเหมือนกับแป้งอีกชนิดอย่างนาน โดยแป้งจาปาตี นั้นคนทางเหนือของอินเดียนิยมรับประทานกันมากเป็นพิเศษ
  • อาหารประเภทแผ่นแป้งเหล่านี้ จะรับประทานกับเครื่องจิ้มนานาชนิด ที่นิยมมากคือแกงถั่ว (Dal) มีให้เลือกมากมายหลายรสชาติ และเนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่นิยมทานมังสวิรัติ (vegetarian)อาหารจึงต้องมีโปรตีนจากถั่ว หรือนม อาหารที่ใช้เต้าหู้จากถั่วเหลืองมีน้อยมาก แต่จะมีเต้าหู้อีกชนิดหนึ่งทำจากนมวัว เรียกว่า ปะนีร์ (Paneer) มีสีขาว จัดอยู่ในอาหารประเภทชีส แต่กลิ่นไม่แรง นิยมใส่ในแกงถั่ว
  • นอกจากอาหารมังสวิรัติแล้ว อาหารประเภทเนื้อสัตว์ก็มีให้รับประทาน อย่างเนื้อไก่และเนื้อแพะ (Mutton) สามารถหารับประทานได้ง่ายเพราะไม่ผิดหลักศาสนาใดๆ ขณะที่เนื้อวัวอันเป็นข้อห้ามของชาวฮินดู แทบจะหาทานไม่ได้เลยนอกจากร้านอาหารฝรั่ง เช่น Twenty Feet High (Bangalore; Church Street) และโรงแรมชั้นดี ส่วนเนื้อหมูอันเป็นข้อห้ามของชาวมุสลิมพอหาทานได้บ้าง
IMG_3660

ค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการ

IMG_2163

คำแนะนำสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

  • สกุลเงินคือ  รูปี ( INR )
  • INR 1 = ฿0.44 (*คืออัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)
  • แนะนำให้แลกไปจากเมืองไทย โดยการใช้เงินไทยแลกเป็นเงินรูปีได้เลย
  •  บัตรเครดิต สามารถใช้ได้ในโรงแรมที่พัก ร้านอาหารใหญ่ๆ ร้านขายของในเมืองใหญ่ แต่จะมีค่าชาร์จ
IMG_4353 (1)

คำถามที่พบบ่อย Q&A

Q1 สภาพอากาศเป็นอย่างไร?

  • ประเทศอินเดียสามารถแบ่งสภาพภูมิอากาศหลักๆ ได้เป็น 3 ฤดูกาล
    • ฤดูร้อน – สภาพอากาศจะมีความร้อนเป็นอย่างมาก โดยจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ยก็จะอยู่ราว 35 องศา แต่ในบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศา
    • ฤดูฝน – เป็นฤดูที่จะมีฝนตกชุกเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่ติดทะเลนอกจากฝนแล้วก็จะมีพายุและลมมรสุมต่างๆ มากมาย โดยจะอยู่ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึง กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยก็จะอยู่ราว 28 องศา
    • ฤดูหนาว – เป็นฤดูที่สภาพอากาศของประเทศอินเดียจะหนาวเย็นมากๆ โดยจะอยู่ระหว่างเดือนตุลาคม ถึง มีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ยก็จะอยู่ราว 10-17 องศา แต่สำหรับในบางพื้นที่ก็จะมีอุณหภูมิหนาวเย็นมากถึงขนาด -3 องศาก็มีให้เห็นกัน

Q2 เวลาต่างกับที่ไทยอย่างไร?

  • ช้ากว่าประเทศไทย 1  ชั่วโมง

Q3 ระบบการใช้ไฟฟ้าเป็นอย่างไร?

  • ระบบไฟฟ้า 230 volt แบบขากลม 2 รู และ 3 รู
  • ควรเตรียมเครื่องแปลงไฟฟ้า (Adapter) ไปสำรองด้วย